จ้องจอก่อนนอน อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพการนอนหลับ

งานวิจัยชี้ชัด ยิ่งใช้เวลาจ้องหน้าจอในที่นอนมาก ยิ่งเสี่ยงต่ออาการนอนไม่หลับและการพักผ่อนที่แย่ลง

ระดับความเผ็ด: 🌶️🌶️🌶️ ⏱️ เวลาอ่าน: 4 นาที

บทนำ

จ้องจอก่อนนอน อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพการนอนหลับ

เคยนอนเล่นโทรศัพท์ในที่นอนจนหลับไปเองไหม? หากคำตอบคือ "ใช่" งานวิจัยล่าสุดจากนอร์เวย์อาจทำให้คุณต้องคิดใหม่ เพราะข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การใช้เวลากับหน้าจอในเตียงก่อนนอน อาจเชื่อมโยงกับปัญหานอนไม่หลับ และคุณภาพการนอนหลับที่ลดลงอย่างชัดเจน

ผลการศึกษาที่น่าตกใจ

การศึกษาของสถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ (Norwegian Institute of Public Health) ที่รวบรวมข้อมูลจากนักศึกษามากกว่า 45,000 คน พบว่า:

  • ทุกๆ 1 ชั่วโมง ที่ใช้เวลาจ้องจอในที่นอน เพิ่มความเสี่ยงอาการนอนไม่หลับถึง 63%
  • ระยะเวลาการนอนลดลง 24 นาที ต่อทุกๆ ชั่วโมงของการใช้หน้าจอเพิ่มขึ้น
  • 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้สื่อโซเชียลมีเดียก่อนนอน ร่วมกับกิจกรรมหน้าจออื่นๆ เช่น ดูหนัง เล่นเกม หรือท่องอินเทอร์เน็ต
  • พบว่า 1 ใน 3 คนในอังกฤษมีปัญหาการนอนหลับ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้หน้าจอเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้แจงว่านี่เป็นเพียงความสัมพันธ์ (correlation) และยังไม่ใช่การพิสูจน์ความเป็นเหตุผล (causation)

ทำไมหน้าจอถึงรบกวนการนอน?

แม้หลายคนอาจคิดว่าการลดความสว่างหน้าจอหรือเปิดโหมดกลางคืนอาจช่วยได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัญหาจริงๆ คือ:

  • แสงสีฟ้าจากหน้าจอ ที่อาจรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้หลับ
  • การกระตุ้นความคิดและอารมณ์ โดยเฉพาะการใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้สมองตื่นตัว และหลับยากขึ้น

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการปรับปรุงการนอนหลับ

Joshua Piper ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจาก ResMed UK แนะนำว่า:

  • เลิกใช้อุปกรณ์ดิจิทัลก่อนเข้านอน 30-60 นาที
  • สร้าง กิจวัตรก่อนนอน ให้สมองและร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
  • เข้านอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวัน ช่วยสร้างวงจรนาฬิกาภายในให้แข็งแรงขึ้น
  • ออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงเย็น หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และอาหารมื้อใหญ่ใกล้เวลานอน

ตัวอย่างกิจกรรมก่อนนอนที่ช่วยให้หลับง่าย

องค์กรสุขภาพจิต Mind และ Rethink แนะนำกิจกรรมที่ช่วยให้หลับง่าย เช่น:

  • อ่านหนังสือเบาๆ
  • ฝึกหายใจ หรือทำสมาธิสั้นๆ
  • อาบน้ำอุ่นๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย
  • จัดสภาพห้องนอนให้เงียบสงบ ไม่มีแสงรบกวน และอุณหภูมิที่เหมาะสม

นอกจากนี้ Dr. Kat Lederle นักบำบัดการนอนยังแนะนำให้ได้รับแสงแดดธรรมชาติในตอนเช้า เพื่อปรับนาฬิกาชีวิต และทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจก่อนเข้านอน

สรุปแนวทางปฏิบัติที่แนะนำ

จากผลการศึกษานี้ สามารถสรุปแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ดังนี้:

  • ลดการใช้จอในที่นอน: งดใช้งานหน้าจออย่างน้อย 30 นาที ก่อนเวลานอน
  • ปรับกิจวัตรก่อนนอน: เลือกกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายแทน
  • รักษาวงจรการนอนหลับ: เข้านอนและตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน
  • ปรับสภาพแวดล้อมห้องนอน: ให้เอื้อต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ

ถึงแม้การวิจัยนี้จะยังไม่ฟันธงว่า "หน้าจอ" เป็นสาเหตุหลักของการนอนไม่หลับ แต่การปรับพฤติกรรมตามแนวทางข้างต้นก็น่าจะช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้นได้

ที่มา: BBC News

คุณถูกใจบทความนี้แล้ว